พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาตัดสิทธิ GSP หรือสิทธิพิเศษทางภาษีกับสินค้าไทย ว่าเป็นเรื่องของกฎหมายแต่ละประเทศ ซึ่งมีหน่วยงานกำกับดูแลเช่นเดียวกับประเทศ จึงไม่อยากให้ทุกคนไปคาดเดาว่าตัดสิทธิเพราะอะไร รัฐบาลทราบดีอยู่แล้วว่ามีปัญหา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการเจราจาต่อรองมาตลอด ที่สำคัญเจรจาอย่างเดียวไม่ได้ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศด้วย ทั้งเรื่องแรงงานและอื่นๆ ว่าสามารถทำได้หรือไม่ บางอย่างต้องดูปัจจัยภายในของไทยด้วย แต่ยืนยันพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด วันนี้ยังคาดเดาไม่ได้เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่คาดเดาไทยไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมายของอย่าตื่นตระหนกให้ข่าวว่าร้ายกันไปมา เพราะไม่เกิดประโยชน์ เท่าที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงครบถ้วนแล้ว ว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ระยะเวลาที่ทำมา มีปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะปัญหากฎหมายแรงงาน ซึ่งเป็นกฏหมายในประเทศ ซึ่งหากทำตามสหรัฐฯ ต้องดูว่าจะมีปัญหาตามมาหรือไม่
ดังนั้นต้องดูทั้งกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจากการประเมินตัวเลขถือว่าไม่มาก เพราะสหรัฐฯ ให้สิทธิประโยชน์ 500 กว่ารายการ แต่ไทยใช้เพียง 300 กว่ารายการเท่านั้น ดังนั้นไทยซึ่งรัฐบาลตื่นตัวอยู่แล้ว ภาคเอกจึงต้องตื่นด้วย โดยพัฒนาสินค้า ดูแลแรงงาน ขณะที่รัฐบาลรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้มงวดการบังคับใช้กฏหมาย ทุกคนต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน หากต่อว่ากันไปมา ไม่เกิดประโยชน์
โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ที่ผ่านมาได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เจรจามาโดยตลอด ทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ และฑูตพาณิชย์ แต่ปัญหาอยู่ที่สหรัฐฯ จะยินยอมหรือไม่ ซึ่งมีเวลา 6 เดือนก่อนมีผลบังคับใช้ ก็ต้องหาวิธีการพูดคุยต่อไป ไม่ได้คือไม่ได้เพราะเป็นกฎหมายของสหรัฐฯ กฎหมายใครก็ของประเทศนั้นขออย่าให้เป็นปัญหาทางการเมือง และพูดให้เลวร้ายกว่าเดิม เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มี และสหรัฐฯ ถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ดังนั้นขอให้หยุดโจมตีว่าร้ายไปมาเพราะไทยต้องค้าขายกับสหรัฐฯ ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง