ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.ศึกษาแนวทางแก้ รธน. เบรคแก้มาตรา 256 ยกหมวดสิทธิและเสรีภาพมาพิจารณาแทน เชื่อจะได้รับความเห็นชอบทั้งสภา ‘ไพบูลย์’ คาด พ.ร.บ.งบ ‘63 ผ่านฉลุย ยกคำตัดสินศาล รธน. ปี 2551 ยึดองค์ประชุมและเสียงข้างมาก

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กล่าวว่า อนุกรรมาธิการวิเคราะห์ศึกษาบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ได้นำการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ว่าด้วยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปพิจารณาและนำเสนอต่อที่ประชุม

ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีความเห็นสองแนวทางฝ่ายแรกเห็นว่าควรแก้ไข เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญง่ายขึ้น อีกส่วนมีความเห็นคัดค้านซึ่งรวมความเห็นตนด้วย เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการจัดทำประชามติ 3,000 ล้านบาท  และมาตรา 256 เป็นการป้องกันเสียงข้างมากลากไป และไม่ให้เกิดการฟ้องร้องที่มาของ ส.ว. แบบปี 2550 เนื่องจากความไม่เห็นพ้องต้องกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ แม้จะอ้างว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อให้เป็นสากล แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเทศต่างๆ ยากกว่านี้ เช่นประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ จึงมีมติให้พักการพิจารณาแก้ไขมาตรา 256 ไปก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลา และไม่เกิดผลดีต่อคณะกรรมาธิการฯ และให้นำเรื่องเมื่อสิทธิและเสรีภาพ มาตราที่ 25-45 มาพิจารณาแก้ไข เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งตนคิดว่าประเด็นนี้จะได้รับความเห็นชอบร่วมกันของรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. โดยไม่ต้องแก้มาตรา 256 ก่อน ถือเป็นกลุ่มแรกที่กระทำได้เลย ซึ่งตนเชื่อว่าหลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพ้นวาระไปแล้ว น่าจะต้องยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา 


S__51781691.jpg

ส่วนกลุ่มที่สอง เชื่อว่าจะมีประเด็นที่จะพิจารณาเรื่องบัตรเลือกตั้งหนึ่งใบหรือสองใบ และประเด็นที่มีปัญหาเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบ ของพรรคการเมือง ก็อาจจะยังไม่สามารถหาความเห็นร่วมกันในช่วงที่คณะกรรมาธิการฯ กำลังศึกษา ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งถึงสองปี 

ส่วนกลุ่มที่สาม น่าจะมีปัญหาไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากไม่ได้รับความเห็นชอบจากส.ว. ตามบทเฉพาะกาลได้แก่มาตรา 256 รวมทั้งการตั้ง สสร. และการแก้ไขบทเฉพาะกาล ซึ่งตนคาดว่าจะต้องใช้เวลา 4-5 ปี เพื่อให้ ส.ว. ชุดใหม่มาทำหน้าที่แทน

นอกจากนี้ นายไพบูลย์ ยังแสดงความเห็นกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่าจะเป็นไปตามแนวทางคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ ที่ 8/2551 ที่คำนึงถึงองค์ประชุมในเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในความเห็นส่วนตัวของตนไม่ขอก้าวล่วงศาลฯ เห็นว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 120 วรรค 1 และ 2 เรื่ององค์ประชุม และการใช้มติเสียงข้างมาก น่าจะยังมีผลเป็นสำคัญในการวินิจฉัยเรื่องนี้ ถ้าองค์ประชุมครบและมีเสียงข้างมากถูกต้องก็ย่อมสมบูรณ์ตามบทบัญญัติ แม้มีปัญหาในการลงมติของสมาชิกบางคนก็ไม่น่าจะเป็นปัญหากับร่าง พ.ร.บ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :