ไม่พบผลการค้นหา
"อนุพงษ์" ย้ำสร้างเขื่อนกันแนวกัดเซาะชายฝั่ง ตามความต้องการของประชาชน ไม่ใช่ความต้องการตนเอง ยันใครโกงต้องโดนลงโทษ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงถึงกรณีแนวทางการดำเนินการจัดการชายฝั่งที่มีการกัดเซาะ โดยระบุว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ชายฝั่งอยู่ประมาณ 3,000 กิโลเมตร และไม่มีการกัดเซาะประมาณ 2,400 กิโลเมตร มีการกัดเซาะทั้งสิ้น 700 กว่ากิโลเมตร โดยแบ่งเป็นความรุนแรง 22 กิโลเมตรปานกลาง 29 กิโลเมตร และเล็กน้อย 37 กิโลเมตร

การก่อสร้างเขื่อนกันแนวกัดเซาะชายฝั่งเป็น ความต้องการของประชาชนได้รับความเดือดร้อน และร้องขอท้องถิ่นให้ดำเนินการ อย่างในกรณีพื้นที่ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ที่มีการออกมาคัดค้านแต่ยังมีส่วนหนึ่งออกมาสนับสนุน ว่าต้องการและศาลเองก็สั่งคุ้มครอง จากนั้นได้สั่งการให้หยุดดำเนินการไป ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ความต้องการของกรมโยธาธิการและผังเมือง และไม่ใช่ความต้องการของตนเช่นกัน เนื่องจากไม่มีนัยยอะไรทั้งสิ้นในโครงการดังกล่าว

พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า มีทฤษฎี 2 แนวทางในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง คือส่วนหนึ่งเสนอให้มีการปล่อยให้มีการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องมีการเวนคืนที่ดินและใช้งบประมาณในการย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ต่างๆ ส่วนแนวทางที่ 2 คือการสร้างเขื่อนแบบขั้นบันไดซึ่งเต่าทะเลและทราย ที่ถูกพัดลงไปในทะเลก็ยังสามารถพัดกลับมาสู่ที่เดิมได้

ทั้งนี้ เรื่องการจัดการดังกล่าว มีกฎหมายที่เป็นมติคณะรัฐมนตรี โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ประเมินว่าที่ใดมีการกัดเซาะ แต่ไม่ได้มีการสั่งให้ดำเนินการ แต่หากมีการตั้งคณะกรรมการเกิดขึ้น ก็จะสามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ส่วนการก่อสร้างเขื่อนกันการกัดเซาะต้องคำนึงถึงเรื่องราคา และงบประมาณจริง เนื่องจากการก่อสร้างทั้งถนนสะพาน เขื่อนจะต้องมีแบบเพื่อประเมินราคาเนื้องานเท่าใดก็ต้องคำนวณออกมา

ในช่วงหนึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ได้กล่าวว่า หากพบการทุจริตแผ่นดินนี้ ก็ต้องเอาคนไปลงโทษให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ในอดีตไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง รัฐมนตรี ข้าราชการ อธิบดี ทหาร ตำรวจ ก็โดนกันทั้งนั้น "ใครทำก็ให้มันโดนไป ไม่ใช่สร้างแล้วไปเหมาว่าคนโกงโครงการโน่นนี่ไม่ได้ ต้องแยกกันในแต่ละส่วน"