ไม่พบผลการค้นหา
รองโฆษก ตร.เผย ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบยศ พ.ต.อ. โวยวายไม่พอใจเจ้าหน้าที่สนามบินเชียงใหม่ขอตรวจกระเป๋า ย้ำกรณีนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เตือนข้าราชการตำรวจไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Travel เผยคลิปวิดีโอเป็นภาพเหตุการณ์นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่งระดับ พ.ต.อ. กำลังโวยวายเสียงดังภายในสนามบินเชียงใหม่ ระหว่างขั้นตอนการตรวจกระเป๋า แต่กลับด่ากราดเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ตรวจสอบกระเป๋า โดยเพจดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า

"จนท.สนามบินจะขอตรวจค้นกระเป๋าตามระเบียบขั้นตอน ลุงก็เป็นถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ พ.ต.อ. แต่ทำไมเกรี้ยวกราดจังผบ.ตร.ดูแลลูกน้องท่านหน่อยยย"

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าว ‘พ.ต.อ.’ กร่างไม่พอใจ เจ้าหน้าที่สนามบินขอตรวจกระเป๋า โดยมีการอ้างถึง ผบ.ตร. ว่า ได้รับรายงานจาก ตม.ทอ.เชียงใหม่ ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าชายที่ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นข้าราชการตำรวจจริง ยศ พ.ต.อ. ตำแหน่ง ผกก.ประจำ ตท. เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2563 ภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยในเบื้องต้น พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจที่ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ถึงประเด็นพฤติกรรมดังกล่าวและสามารถตอบคำถามสังคมได้

รองโฆษกตร. กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตรวจมาโดยตลอด และมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับ กำชับ กวดขัน สอดส่อง ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งในเรื่องจริยธรรม ความประพฤติ ของข้าราชการตำรวจ ที่ต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่เชื่อถือของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิริยามารยาท การเคารพกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ยังสถานที่ต่างๆ ความมีวินัย การควบคุมอารมณ์ มีจริยธรรม จรรยาบรรณและกระทำตามภายใต้กรอบของกฎหมายเป็นสำคัญ

สำหรับกรณีนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่อยากให้เหมารวมทั้งหมดและอยากให้ข้าราชการตำรวจ ไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ของท่าอากาศยาน หรือ ความปลอดภัยของการบิน ประกอบกับ การแสดงกิริยามารยาท พฤติกรรมที่ก้าวร้าว ไม่เหมาะสม แสดงถึงความไม่มีวินัยของข้าราชการตำรวจ

อย่างไรนั้น คงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่าผิดก็ว่าไปตามความผิด ซึ่งก็มีการดำเนินการทางวินัยตามระเบียบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ปกป้องอยู่แล้ว โดยหากมีผลออกมาประการใด จะชี้แจงให้ทราบต่อไป

หมายเหตุ : ภาพประกอบข่าวไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์