ไม่พบผลการค้นหา
อดีตหัวหน้า อนค.ไลฟ์สดบรรยายกับ นศ.วลัยลักษณ์ ชี้ไม่มั่นใจรัฐประหารจะไม่เกิดอีก ย้ำต้องแก้ รธน. เปลี่ยนตัวนายกฯ ปฏิรูปกองทัพเพื่อป้องวงจรรัฐประหาร ไม่หวั่นโทษจำคุกคดีอาญา ยืนยันไม่หนี

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เฟซบุ๊กไลฟ์บรรยายทางไกลในฐานะอาจารย์พิเศษให้กับนักศึกษาหลักสูตรรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ในหัวข้อ “จากขบวนการเคลื่อนไหวสู่พรรคการเมือง: ประสบการณ์การสร้างพรรคการเมืองใหม่และความท้าทาย” ซึ่งเป็นไปตามคำเชิญของอาจารย์ผู้สอนในวิชา POS-221 พรรคการเมืองและการเมืองของการเลือกตั้ง 

นายธนาธร ระบุว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ออกแบบมาให้อำนาจองค์กรอิสระต่างๆ มากมาย และต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง ซึ่งหลังจากการเลือกตั้ง เราเจอกับผลของรัฐธรรมนูญฉบับบนี้ ดังจะเห็นได้ว่า เดิมทีมีพรรคการเมืองที่ประกาศตัวไม่สนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวนรวมกันมากกว่าพรรคที่ประกาศตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การดำรงอยู่ของ ส.ว.250 คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดการบิดเบือนเจตจำนงของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เคยให้ไว้ ดังคำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลเป็นเพราะต้องการนำนโยบายไปปฏิบัติ และเพราะคณิตศาสตร์การเมือง ที่ฝ่ายต่อต้าน คสช.มี 245 เสียง ซึ่งต่อให้พรรคประชาธิปัตย์ไปรวมก็ยังไม่มีเสียงพอที่จะตั้งรัฐบาลได้

จากนั้นในช่วงของการถาม-ตอบผ่านระบบออนไลน์มีนักศึกษาถามถึงอนาคตของการเมืองไทยว่าจะไปสู่ประชาธิปไตยได้อย่างไรและจะป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกได้อย่างไร

นายธนาธร กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีก ประชาธิปไตยไม่ว่าในสังคมไหนไม่เคยได้มาจากการร้องขอหรือหยิบยื่นให้จากผู้ปกครอง แต่มาจากการต่อสู้เรียกร้องและปกป้องอย่างแข็งขัน ดังนั้น อันดับแรกของโรดแมปไปสู่ประชาธิปไตยจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญเกิดขึ้นก่อนเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี

อันดับที่สอง คือการปฏิรูปกองทัพ ถ้าไม่ปฏิรูปกองทัพจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาการรัฐประหารได้เลย ทุกวันนี้กองทัพทำหน้าที่เกินบทบาทไปมาก สิ่งเหล่านี้ถ้ายังดำรงอยู่จะไม่สามารถสถาปนาประชาธิปไตยได้ จะสถาปนาประชาธิปไตยได้ เราต้องสถาปนาหลักการกองทัพต้องอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือนให้ได้ก่อนเท่านั้น รวมถึงการปฏิรูปองค์กรอิสระ ที่ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบกลไกเหล่านี้ได้ก็จะต้องทำผ่านการแก้รัฐธรรมนูญด้วย

ขณะที่นักศึกษาบางส่วนได้ถามถึงบทบาทและอนาคตของนายธนาธรหลังจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกลับมาได้ก่อน 10 ปี รวมถึงคดีอาญาที่อาจจะนำไปสู่โทษจำคุกในอนาคตว่าจะทำอย่างไร

นายธนาธร ตอบว่า แกนนำพรรคอนาคตใหม่ทุกคนไม่ได้หวังตำแหน่งหรือยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ก้าวหน้าและเป็นธรรมมากกว่านี้ ดังนั้น ตำแหน่งแห่งที่ ยศถาบรรดาศักดิ์ การได้เป็น ส.ส.สำหรับเราไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญ แต่เป็นการทำงานการเมืองเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย 

ส่วนกรณีที่ต้องถูกตัดสินจำคุกนั้น ตนคงไม่ทำอะไรนอกจากทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ต่อไป ใช้ทุกวันที่เหลืออยู่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ จริงใจ และตรงไปตรงมากับประชาชนมากที่สุด ไม่ได้กลัว ไม่ได้หนี ที่มายืนอยู่ตรงนี้เพราะความตั้งใจ อำนาจในการตัดสินเรื่องนี้อยู่ที่เขาไม่ได้อยู่ที่เรา อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือในเวลาที่เรายังมีอิสระ ในเวลาที่เรายังมีเสรีภาพอยู่ ใช้เวลานั้นรณรงค์เพื่อให้ประชาชนตื่นตัวถึงสิทธิถึงอำนาจของตัวเองให้ได้มากที่สุด