พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในกรุงปารีสของฝรั่งเศสเปิดนิทรรศการ 'ลีโอนาร์โด ดาวินชี' ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา เพื่อจัดแสดงผลงานของ 'ลีโอนาร์โด ดาวินชี' ศิลปินและนักประดิษฐ์มากความสามารถชาวฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลีในปัจจุบัน โดยนิทรรศการนี้จะจัดไปจนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้า
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ลูฟร์คาดว่าจะมีผู้เข้าชมประมาณวันละ 30,000 คน เนื่องจากมีผู้จองคิวเข้าชมนิทรรศการจากทั่วโลกแล้วกว่า240,000 แต่ลูฟร์ประเมินว่าผู้ที่มาชมงานนี้อาจจะมีมากถึง 5 แสนคน
ส่วนผลงานที่นำมาจัดแสดงจะมีทั้งหมด 162 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพร่าง ภาพวาด หรือประติมากรรม รวมถึงผลงานมาสเตอร์พีซ 24 ชิ้นที่ลูฟร์ได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าของคอลเล็กชั่นตัวจริงจากหลายประเทศ เช่น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งอังกฤษ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของอังกฤษ สำนักวาติกันในอิตาลี รวมถึงบิลและเมลินดา เกตส์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน
ทั้งนี้ ผลงานจะจัดแสดงตามลำดับเวลาที่ดาวินชีพำนักและทำงานอยู่ในเมืองต่างๆ ตั้งแต่มิลาน, เวนิซ, โรม ก่อนจะไปเสียชีวิตที่เมืองอองบวสของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1519 ยกเว้นภาพวาด 'โมนาลิซ่า' ซึ่งเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงอีกชิ้นหนึ่งของดาวินชี จะถูกจัดแสดงที่ห้องโถง 'ซาล-เดส์-เซตาส์' ของลูฟร์ตามเดิม เพื่อกระจายผู้เข้าชมไม่ให้แออัดจนเกินไป
ผอ.ลูฟร์ระบุว่า ในงานนิทรรศการ 'ลีโอนาร์โด ดาวินชี' จะจัดแสดงภาพโมนาลิซ่าในรูปแบบ VR แทน ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีความจริงเสมือนมาใช้กับงานศิลปะครั้งแรกของลูฟร์ โดยได้รับการสนับสนุนแว่นตา VR จากบริษัท HTC ของไต้หวันเพื่อให้บริการแก่ผู้เข้าชมนิทรรศการ
ส่วนภาพ 'ซัลวาตอร์มุนดี' อีกหนึ่งผลงานที่โด่งดังของดาวินชี ถูกประมูลไปในราคาแพงที่สุดในโลกเมื่อปี 2017 คิดเป็นเงินกว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13,500 ล้านบาท และทางลูฟร์ได้ทำเรื่องเพื่อขอยืมภาพนี้จากเจ้าของตัวจริงเพื่อนำมาจัดแสดงในโอกาสนี้
ขณะที่ค่าเข้าชมนิทรรศการครั้งนี้อยู่ที่ 17 ยูโร หรือประมาณ 569 บาท โดยผู้เข้าชมจะต้องติดต่อขอซื้อบัตรล่วงหน้า เพื่อระบุวันและเวลาเข้าชมที่ชัดเจน ผู้ซื้อบัตรไม่สามารถเข้าชมนิทรรศการได้ถ้าไปถึงหน้างานไม่ตรงกับวันและเวลาที่ลงทะเบียนเอาไว้
ทั้งนี้ ก่อนจะเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา บัตรเข้าชมตลอด 2 สัปดาห์แรกก็ขายหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ลูฟร์คาดว่า ผู้เข้าชมงานศิลปะที่ลูฟร์ในปีนี้อาจเพิ่มขึ้นจากยอดรวม 10 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว