ไม่พบผลการค้นหา
พรรคอนาคตใหม่เปิดเวทีเสวนาสาธารณะ ฟังเสียงประชาชน พบต้องการให้รัฐกระจายอำนาจ ยกระดับ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า

พรรคอนาคตใหม่จัดเสวนาโครงการ "เสวนากับประชาชนเมื่อความเหลื่อมล้ำหมดไปจะเกิดอะไรขึ้น" โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านสวัสดิการสังคมของประชาชน ซึ่งจากการรับฟังเสียงสะท้อนและปัญหาพบว่า ประชาชนต้องการสิทธิในการดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมองว่า สิทธิบัตรทองที่มีงบอุดหนุนประมาณ 1.2 หมื่นล้าน ครอบคลุมประชากร 48 ล้านคน งบประมาณสิทธิของข้าราชการกว่า 6 หมื่นล้าน ครอบคลุมประชากรประมาณ 4 ล้านคน และสิทธิประกันสังคมอีกประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมสิทธิ รวมทั้งสิ้น 68 ล้านคนใช้งบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาทนั้น 

เมื่อนำมาเฉลี่ยกลับพบว่างบบัตรทอง ได้รับการอุดหนุนรายหัว อยู่ที่ 2,500 บาท สิทธิข้าราชการอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท สิทธิประกันสังคมอยู่ที่ประมาณ 3,500 บาท ซึ่งความแตกต่างในเรื่องดังกล่าวประชาชนสะท้อนว่าต้องการให้เข้ามาดูแลระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้มากขึ้นได้หรือไม่ โดยเฉพาะประชาชนในกลุ่ม ที่ได้รับการดูแลโดยสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งมีมากกว่า 48 ล้าน คนอาจไม่เพียงพอและยิ่งลำบากยิ่งขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน พรรคอนาคตใหม่จึงนำแนวคิด และปัญหาดังกล่าวมาร่างเป็นแผนงานเพื่อนำไปขับเคลื่อนเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานในอนาคต

ขณะที่นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการกระจายอำนาจ โดยเห็นว่า คนกลุ่มเล็กเพียง 1 เปอร์เซ็นต์แต่ถือครองทรัพย์สิน กว่าร้อยละ 66 ของประเทศ ขณะที่จังหวัดซึ่งมามีการเติบโตทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และรายได้ อยู่ในกรุงเทพฯและจังหวัดภาคกลางเช่นจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ หรือในภาคตะวันออกบางจังหวัดเช่นระยอง นำไปสู่การตั้งคำถามว่าคนที่เกิดขึ้นในอีกหลายจังหวัด เหตุใดต้องย้ายตนเองมาทำงานในกรุงเทพฯ เหตุใดต้องหิ้วกระเป๋ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรม ในปริมณฑล ซึ่งเกิดจากจังหวัดขาดความเจริญ เศรษฐกิจไม่หมุนเวียน ไม่มีงานที่ดีเพียงพอปัจจุบันแม้จะมีการกระจายอำนาจ มีภารกิจและงบประมาณถูกโอนไป แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จ พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าทางออกคือ การมีกฎหมายเพื่อให้จังหวัดสามารถปกครองตนเองได้