นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สภาผู้แทนราษฎรมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบกับรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่รายงานผลการศึกษา เรื่อง ปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 จัดทำโดยคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูป ทบทวน และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายซึ่งมีผมเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ ในรายงานผลการศึกษา ได้เสนอข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการให้ฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาลชะลอการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 ออกไปก่อน เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้มีความไม่พร้อมทั้งในการออกกฎหมายลำดับรอง สร้างความสับสนและแตกตื่นในหมู่ประชาชนที่ต้องมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น ทั้งกระทบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยจัดเก็บภาษีที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นายชวลิต ระบุว่า การออกกฎหมายเก็บภาษีประชาชนได้ออกมาท่ามกลางปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งได้สะสมปัญหาความเดือดร้อนมากว่า 5 ปีแล้ว จึงนับว่าเป็นกฎหมายที่ออกมาโดยไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลาและสถานการณ์ ทั้งนี้ การชะลอการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ให้นำ พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ ฯ และ พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ฯ มาใช้ไปพลางก่อน

นายชวลิต ระบุว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2562 สภาผู้แทนราษฎรก็มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้แบนหรือยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีที่มีความเสี่ยงสูงในภาคเกษตรกรรม คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ซึ่งเสนอโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีตนเป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญ ฯ นับเป็นความภูมิใจมาครั้งหนึ่งแล้ว

"วันนี้กลับถึงบ้าน ลูกชายคนเล็ก ได้ถามผมว่า พ่อ ทำได้ไง มีเทคนิคอย่างไร ในสมัยประชุมเดียว พ่อมีผลงานสำคัญเสนอสภาฯถึง 2 เรื่อง แล้วสภาฯ มีมติเห็นชอบกับงานที่พ่อเสนออย่างเป็นเอกฉันท์ทั้ง 2 ครั้ง ผมตอบลูกไปว่า พ่อพิจารณาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งมีมากมาย แต่นำมาจัดลำดับก่อน หลัง โดยประเมินว่า ผู้แทนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ เห็นด้วยกับประเด็นปัญหาของประชาชนดังกล่าว หรือไม่ ในการประชุมคณะ กมธ.หรือคณะอนุ กมธ. ที่พ่อเป็นประธาน พ่อจะสร้างความเป็นกันเอง หลอมรวมความคิดให้เห็นชอบในประเด็นปัญหาร่วมกัน หาทางออกจากปัญหาและมีข้อเสนอแนะร่วมกัน ที่สำคัญต้องไม่แยกเป็นพรรคการเมือง พรรคนั้น พรรคนี้ หรือเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เอางานส่วนรวมเป็นหลัก จึงได้รับความร่วมมือด้วยดี" นายชวลิต ระบุ

นายชวลิต ระบุว่า ในการประชุมที่มีตนเป็นประธาน หรือไม่ได้เป็นก็ตาม การแสดงความเห็น จะเป็นเหตุ เป็นผล ตนจะไม่ทะเลาะกับใคร หลีกเลี่ยงการปะทะคารม ในการทำงานกับหมู่คณะ ไม่เคยมีใครถูกตนต่อว่าด้วยถ้อยคำแรง ๆ ถ้ามี คงต้องไปรดน้ำมนต์เจ็ดวัด เพราะถูกฝึกมาให้มีความอดทนในการรับฟัง การเป็นผู้แทนประชาชน ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง งานถึงจะได้รับความร่วมมือ และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด