ไม่พบผลการค้นหา
ประธาน นปช. ลั่นปี 2563 จะเป็นปีแห่งความยากลำบากทางเศรษฐกิจ แนะ 'ประยุทธ์' ทิ้งนายกฯ แก้ปัญหาไม่ได้ พร้อมฟันธง รธน.ปี 2560 แก้ไม่ได้ เชื่อศาล รธน.สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ 21 ม.ค. 63 แนะ กก.บห. ทิ้ง ส.ส.ก่อนยุบ ซัดรัฐบาลเกียร์ว่างไม่ขวางเวทีลัทธิชังชาติ ส่อมีกลิ่นจุดเชื้อยึดอำนาจ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปี 2563 ว่า จะเป็นปีของความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ชนิดที่คนไทยไม่เคยเจอมาก่อน ในอดีตวิกฤติ เมื่อปี 2540 เป็นการล้มบนฟูก ผู้ที่ได้รับกระทบมีแต่คนรวย แต่ปัจจุบัน คนไทยต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ควรจะไปถามประชาชนว่า เบื่อท่านหรือไม่ ตนเห็นว่า ที่คนไทยแสดงออกว่าเบื่อ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ใช่ความเกลียดส่วนตัว แต่เกลียดที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีน้ำยาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติได้ พล.อ.ประยุทธ์ควรจะยอมรับได้แล้วว่า คนไทยกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส หากไม่ทราบคงจะอยู่ต่อไปนี้อย่างลำบากแน่ 

ฟันธงยุบ อนค. แน่ แนะ กก.บห.พรรคอนาคตใหม่

นายจตุพร ระบุถึงศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ในวันที่ 21 ม.ค. 2563 ในข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครอง ว่า ตนคิดว่าตนคาดไม่ผิด ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอน ด้วยการพรรณนาเหตุจากลัทธิชังชาติ ตนอยากจะขอแนะกรรมการพรรคอนาคตใหม่ว่า หากวันที่ 21 ม.ค. นี้ พรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสินยุบพรรคจริง กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.อยู่ในขณะนี้ จำนวน 11 คน จะถูกตัดสิทธิไปด้วย ส่งผลให้ จำนวน ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ลดลงไป 11 คน และเพื่อให้จำนวน ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ไม่หาย กรรมการบริหารพรรคทั้ง 11 คนที่เป็น ส.ส.ควรลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เป็นแทน และเตรียมการไว้ให้ดี หากทัพแตก พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส.จะย้ายไปสังกัดพรรคใดแทน อีกทั้งระหว่างทางจะถูกฉก ส.ส.ไปอีกหรือไม่

ส่วนกรณีคดีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่นั้น ยังไม่รู้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะให้นำสืบหรือไม่ ยังมีอีกคดีคือ คดีแรกที่นายธนาธรถูกตัดสิทธิจากการเป็น ส.ส. ก็อาจเจอโทษทางอาญาด้วย ทั้งหมดทั้งปวงนี้ เป็นปรากฎการณ์ที่กำลังเดินไป 

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังได้แนะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ด้วยว่า หากจะตัดสินใจลงถนนจริง ควรมีการเตรียมความพร้อม ในเรื่องการชุมนุมตนมีประสบการณ์มาตั้งแต่เด็ก ประชาชนมากันเองลอยๆ มาได้ครั้งสองครั้ง ถ้าไม่มีการบริหารจัดการ จะถูกแทรกแซง และจบด้วยการล้อมปราบ ไม่ว่านายธนาธรจะตัดสินใจอย่างไร ต้องมีความพร้อม 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า กิจกรรมวิ่งไล่ลุง การใช้กลไกรัฐเข้าแทรกแซง จะเป็นการเพิ่มจำนวนคนมาร่วมกิจกรรม อย่างคาดไม่ถึง สิ่งสำคัญที่สุด ณ ตอนนี้คือ มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง กำลังเดินสายปลุกระดม สร้างความขัดแย้ง โดยตั้งเวทีต่อต้านลัทธิชังชาติ ซึ่งทางรัฐบาลก็ยังไม่มีการตักเตือน ยังปล่อยให้ทำอยู่ แม้ว่าจะดูว่าคนที่มาร่วมฟังเวทีดังกล่าวมีไม่มากนัก แต่เป็นการบ่มเพาะความขัดแย้ง ยกตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อปี 2556 เป็นต้น รวมถึงหากรัฐบาล ไม่ห้ามพรรคร่วมดำเนินการดังกล่าว เท่ากับว่า รัฐบาลกำลังจะก้าวเข้าไปเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้ง ในกระดานการเมือง ถ้าเริ่มต้นด้วยกลไกรัฐตั้งเวทีรอ อีกฝ่ายตั้งเวทีคู่ขนาน สิ่งที่จะเกิดขึ้น จบลงอย่างเดียว คือ ยึดอำนาจอีกรอบ

จตุพร เสื้อแดง นปช 618098.jpg

ฟันธง "รธน.60" แก้ไม่ได้ ลงท้ายด้วยการถูกฉีกสถานเดียว

นายจตุพร กล่าวแนะการทำงานของฝ่ายค้านด้วยว่า ฝ่ายค้านต้องบริหารจัดการให้เป็น ต้องเข้าใจว่า การอยู่หรือไปของรัฐบาล หรือ การเข้าสู่อำนาจของฝ่ายค้าน จะเกิดขึ้นจาก การทำให้ประชาชนมีความหวัง ต้องชี้ให้ได้ว่า รัฐบาลไม่ชอบธรรม ฝ่ายค้านชอบธรรม อย่าคิดแบบนักการเมืองแบบเดิมๆ 

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การทำงานของ ส.ส.น่าจะทราบดีว่า หากไม่ต้องการให้เรื่องใดสำเร็จ ให้ตั้งกรรมาธิการศึกษา ท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. จะยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ ด้วยเมื่อเข้าสู่วาระที่ 1 และ 3 จำเป็นต้องมีเสียง ส.ว.เห็นด้วย 1 ใน 3 

อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายทราบดีว่า สิ่งที่ต้องแก้เป็นอันดับแรกในรัฐธรรมนูญ คือ มาตรา 256 ควรมุ่งไปที่ประเด็นนี้ สิ่งที่ 7 พรรคฝ่ายค้าน ควรทำคือ ส่งของร้อนนี้ให้พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ใช้ข้ออ้างเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เข้าร่วมรัฐบาล โดยยกให้พรรคประชาธิปัตย์เจรจาต่อรองกับผู้นำรัฐบาล ให้คุยกับ ส.ว.ที่ตั้งมากับมือ ถ้ามอบหน้าที่นี้ให้พรรคประชาธิปัตย์แล้วทำไม่ได้ คนที่ตายคือ พรรคประชาธิปัตย์เอง แต่เมื่อตั้งกรรมาธิการศึกษาเช่นนี้ เท่ากับว่า ฝ่ายค้านเล่นในเกมส์ของพวกเขา ซื้อเวลาต่อไป และจำปากตนไว้ได้เลย ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 นี้ ไม่มีทางแก้ได้ จะลงท้ายด้วยการถูกฉีกสถานเดียว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ปี 2563 นี้ จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความเดือดร้อนของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ควรยอมรับความจริง และลาออกไป ไม่อยู่เป็นภาระประชาชนอีก หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติได้ รวมถึงขอกล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า ขอให้ปี 2563 นี้ พี่น้องให้ความอดทน มีสติในทุกย่างก้าว เรายังคงเป็นเราเหมือนเดิม รักกันเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย ขอให้พี่น้องมีความสุขมากที่สุด เท่าที่หาได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง